top of page

หลักการมองหาที่ดินผืนงาม ทำเลดี ตามฮวงจุ้ย!


หลักการคร่าวสำหรับการเลือกที่ดินตามหลักฮวงจุ้ยจีน มีดังนี้

1) ที่ดินนั้นจะต้องมีจุดรับกระแสพลังงานที่ดี

เช่น กระแสลม ซึ่งคำว่าฮวงนั้นก็แปลว่าลม ส่วนคำว่าจุ้ยแปลว่าน้ำ

โดยลม นั้นเป็นตัวพาพลังงาน และ น้ำ นั้นเป็นตัวสะสมพลังงาน ซึ่งเราควรเลือกที่ดินที่ได้รับพลังมากก่อน โดยดูว่าหากสร้างสิ่งปลูกสร้างมา แล้วบริเวณด้านหน้าหรือทิศประตูทางเข้าหลักของสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้นๆมี ความโล่งมากน้อยแค่ไหน หากโล่งมากก็แปลว่ากระแสลมที่พัดนำพาพลังงานนั้นสามารถลากพลังงานเข้ามา สะสมในบริเวณทำเลนั้นได้ง่ายก็จะยิ่งเป็นผลดี

เช่น บริเวณด้านหน้าที่ดินเป็นถนนมีที่ขนาดใหญ่ มีสายน้ำที่เคลื่อนไหว หรือบริเวณด้านหน้าที่ดินนั้นไม่มีอาคารสิ่งปลูกสร้างใหญ่ๆมาบดบังกระแสลม หรือทำเลที่ดินนั้นอยู่ใกล้จุดตัดของถนนเช่นสามแยก สี่แยกซึ่งมีรถผ่านไปมาจำนวนมากโดยรถยนต์นั้นเมื่อเคลื่อนไหวก็ลากกระแสลม ที่นำพาพลังงานมาได้ด้วยเช่นกัน หรือที่ดินที่หันหน้าเจอช่องลม ช่องอากาศขนาดใหญ่ เป็นต้น

การเลือกที่ดินที่มีจุดจ่ายกระแสพลังงานเข้าในที่ได้นั้นจัดว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการเลือกที่ดิน

2) ที่ดินนั้นควรหันหน้าเข้าหาทิศทางกระแสลมเพื่อรับพลัง โดยประเทศไทยนั้นคือลมจะมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดในช่วงฤดูร้อนและฝนมี ระยะเวลา 6-8 เดือนต่อปีหรือยาวนานที่สุดของปีก็ว่าได้

ส่วนลมที่มาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูหนาวที่มีระยะเวลา 3-4 เดือนต่อปี ดังนั้นคนจีนส่วนใหญ่ก็จะนิยมเลือกที่ดินที่สามารถสร้างอาคารให้หันหน้าไป "ทางทิศใต้"

เพื่อรับลมเข้าทางหน้าบ้านเนื่องจากทิศใต้นั้นได้รับอิทธิพลของลม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ลมพัดยาวนานสุดของปี ส่วนที่ดินที่สร้างอาคารให้หันหน้าทางทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงใต้นั้นก็ได้รับพลังงานจากกระแสลมที่มาจากทิศตะวันตก เฉียงใต้ด้วยซึ่งก็จัดว่าเป็นทิศที่ดี เพียงแต่ทิศนี้จะรับแดดมากในช่วงเวลาบ่ายจึงทำให้คนไม่นิยมที่ดินในสร้างอาคารหันหน้าไปทิศเหล่านี้ทั้งๆที่เป็นทิศที่ดีเช่นเดียวกัน

3) ความสูงของที่ดินตามหลักฮวงจุ้ยแล้วที่ดินนั้นไม่ควรสูงจากที่ดินบริเวณข้าง เคียงเนื่องจากกระแสพลังงานถูกนำพาได้โดยกระแสลมกับน้ำเป็นหลัก ซึ่งแท้จริงแล้วลมกับน้ำคือของที่ไหลได้ในทางวิศวกรรมโดยจะไหลจากที่สูงสู่ ที่ต่ำกว่า ดังนั้นหากทิ่ดินมีความสูงมากกว่าบริเวณที่ดินอื่นโดยรอบ ก็จะทำให้ที่ดินนั้นๆไม่สามารถสะสมพลังงานได้เนื่องจากพลังงานนั้นก็จะไหลไป สู่ที่ต่ำกว่านั้นก็คือที่ดินอื่นๆโดยรอบนั้นเอง ยกตัวอย่างกรุงเทพฯ นั้นเป็นเมืองที่เจริญสุดในประเทศไทยแต่กรุงเทพฯนั้นเป็น บริเวณที่ราบต่ำทำให้พลังงานจากทิศทางอื่นๆไหลมาสะสมตัวอยู่กรุงเทพฯ

4) รูปทรงของที่ดินนั้นก็ต้องไม่มีความลึกไม่มากเกินไป เนื่องจากที่ดินมีความลึกจากถนนมากเกินไปนั้นก็มีโอกาสที่จะได้รับพลังงาน เข้าไปส่วนที่ลึกของที่ดินได้ยาก หรือเรียกว่าไม่สามารถสะสมพลังงานได้เต็มที่ เนื่องจากถนนนั้นจัดเป็นจุดจ่ายกระแสพลังงานหลักเพราะการเคลื่อนไหวของรถ นั้นเป็นการลากกระแสพลังงานผ่านด้านหน้าของที่ดินตลอด ดังนั้นหากอาคารที่ปลูกสร้างลึกหรือห่างจากบริเวณถนนนั้นก็มีโอกาสได้รับพลังงานจากกระแสพลังงานที่มาจากการเคลื่อนไหวจากรถยนต์น้อย ซึ่งหากเลือกทำเลแบบนี้ก็จะต้องออกแบบอาคารให้รับกระแสพลังงานจากลมธรรมชาติ หรือสิ่งอื่นๆแทน

5) ควรเลือกที่ดินที่มีด้านกว้าง

โดยรูปทรงที่ดินหากมีด้านหน้าแคบแต่ด้านหลังที่ดินกว้างซึ่งหลายคนเรียกว่า รูปทรงถุงเงินและเข้าใจว่าเป็นรูปทรงของที่ดินฮวงจุ้ยที่ดีนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงเสมอไป

สมัยก่อนนั้นมีการเรียกเก็บภาษีของที่ดินโดยดูจากความแคบกับกว้างของหน้าที่ ดิน ยิ่งหน้าที่ดินยิ่งกว้างก็ยิ่งเสียภาษีมากกว่าจึงเป็นสาเหตุให้สมัยก่อน กล่าวว่าดินที่มีลักษณะหน้าแคบเป็นถุงเงินนี้เป็นฮวงจุ้ยที่ดีเพราะเสียภาษี น้อย แต่ความเป็นจริงแล้วในปัจจุบันนั้นหลายคนคงมองต่างกันเพราะที่ดินย่านการค้า ที่มีหน้ากว้างนั้นก็สามารถออกแบบอาคารให้คนเข้าถึงอาคารได้ง่ายกว่าและ

เหมาะกับการค้าขายมากกว่า

ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแล้วที่ดินที่มีหน้ากว้างติดถนนหรือทางเดินนั้นถือว่า เป็นที่ดีที่ดีเพราะสามารถรับกระแสพลังงานจากการเคลื่อนไหวรถยนต์หรือคนเดิน ผ่านอยู่ตลอดเวล

6) ที่ดินที่มีองศาทิศทางดี ควรเลือกทิศทางที่มีพลังดีเข้ามาสะสม เพราะเมื่อปลูกสร้างอาคารขนานกับแนวที่ดินนั้นก็จะทำให้อาคารนั้นได้รับ พลังงานจากทิศทางที่ดี โดยแท้จริงแล้วไม่ว่าจะทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศเหล่านี้มีสามารถได้รับพลังงานดีและพลังงานร้ายได้หมดขึ้นอยู่กับองศาของ ทิศแต่ละทิศนั้น ซึ่งการจะตอบได้ว่าองศาทิศทางของที่ดินนั้นดีหรือไม่ดีนั้นควรปรึกษาซินแส น่าจะเป็นสิ่งดีที่สุด

7) ที่ดินควร สามารถสร้างอาคารหันหน้าหรือมีช่องเปิดรับพลังงานจาก ทิศที่เหมาะสมสอดคล้องกับดวงชะตาผู้อยู่อาศัย โดยหากชอบธาตุน้ำก็เลือกที่ดินที่สร้างอาคารหันหน้าหรือมีช่องรับพลังทางทิศ เหนือได้ดี ส่วนดวงชอบธาตุไฟก็เลือกทิศใต้ ดวงชอบธาตุไม้ก็ทิศตะวันออก ดวงชอบธาตุทองก็ทิศตะวันตก เป็นต้น

ซึ่งการจะรู้ว่าพื้นดวงนั้นถูกโฉลกกับธาตุใดบ้างนั้นคงต้องให้ซินแสเป็นผู้ ถอดดวงชะตาจากดวงจีนหรือที่เรียกว่าระบบโป๊ยหยี่สี่เถียวนั้นเอง โดยดวงจีนนั้นแบ่งเป็น 5 ธาตุคือ ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ ซึ่งต่างจากดวงไทยที่แบ่งเป็น 4 ธาตุคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ดังนั้นจึงไม่สามารถอ้างอิงดวงไทยในการประยุคใช้กับการเลือกที่ดินในศาสตร์ ฮวงจุ้ยที่เป็นระบบแบบจีน


Featured Posts
Check back soon
Once posts are published, you’ll see them here.
Recent Posts
Archive
Search By Tags
No tags yet.
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page